นายกรัฐมนตรี ผู้บริหารศูนย์สถานการณ์
โควิด-19 (ศบค.)
ได้รายงาน ความคืบหน้า สถานการณ์ฉุกเฉิน ดังต่อไปนี้
ด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข โดยเน้นมาตรการ เว้นระยะห่างทางสังคม Social
Distancing และรณรงค์ให้ประชาชน ทุกคน อยู่บ้าน
หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมทั้งปฏิบัติตน ตามคำแนะนำของหมอ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
ต้องได้รับความเร่งด่วน ในการสนับสนุน หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์
และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างทันการและทั่วถึง ในโรงพยาบาล ทุกพื้นที่
ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
ได้รายงาน ความคืบหน้า สถานการณ์ฉุกเฉิน ดังต่อไปนี้ ด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข โดยเน้นมาตรการ เว้นระยะห่างทางสังคม Social Distancing และรณรงค์ให้ประชาชน ทุกคน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมทั้งปฏิบัติตน ตามคำแนะนำของหมอ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับความเร่งด่วน ในการสนับสนุน หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างทันการและทั่วถึง ในโรงพยาบาล ทุกพื้นที่ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
นายกได้ยืนยันว่า ประเทศไทยเรามียา ที่จำเป็น ในการรักษา อย่างเพียงพอ และมีแผนในการจัดหาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ
เพื่อเตรียมสำหรับสถานการณ์ที่อาจจะลุกลามขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนั้น
ยังมีความพร้อมในเรื่องของเตียงสำหรับผู้ป่วย
ให้พร้อมรองรับผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ผู้ป่วยทุกคน
เราจะมียา และเตียงในการรักษา ตามมาตรฐานสากล ทุกประการ นอกจากนี้
ผู้ป่วยด้วย
โรคนี้ ถือว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน จะมี 3 กองทุน นั่นคือ
- กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- กองทุนรักษาพยาบาล ประกันสังคม
- กองทุน รักษาพยาบาล ข้าราชการ
ทั้งสามกองทุน จะมารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ในด้านการป้องกัน และช่วยเหลือประชาชน รวมทั้ง การรักษาความมั่นคง โดยยึดหลัก
สุขภาพนำเสรีภาพ โดยมีเป้าหมาย คือ จำกัดการเดินทาง การเคลื่อนย้ายคน
และจำกัดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ในพื้นที่เสี่ยง
การแพร่ระบาดต่างๆ โดยแต่ละพื้นที่ จะต้องออกมาตรการให้เข้มงวดสอดคล้องตามสถานการณ์
และคำแนะนำทางการแพทย์ ปัจจุบัน บางจังหวัดได้ยกมาตรการทางการปกครอง เพิ่มเติมไปแล้ว
เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้ ได้แก่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภูเก็ต เป็นต้น
ซึ่งต้องจริงจัง ต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการควบคุมการระบาด และลดการสัญจรของประชาชน
นายกรัฐมนตรี ประกาศข้อกำหนด ห้ามบุคคล ออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 ทั่วราชอาณาจักร
โดยเว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น หรือผู้ที่ปฏิบัติงาน ด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าที่จำเป็น เพื่อการอุปโภค บริโภค ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ เชื้อเพลิง รวมถึงการเดินทางของประชาชน เพื่อเข้าและออกเวรทำงาน หรือการเดินทางไปท่าอากาศยาน ครั้งนี้ ให้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ รับผิดชอบพื้นที่ในเขตนั้นๆ
โดยเริ่มปฏิบัติในคืนวันศุกร์ ที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 4 ทุ่ม
ขอให้ประชาชน อย่าตื่นตระหนัก และไม่ต้องกักตุนสินค้า เพราะทุกคนยังสามารถออกมาซื้อ ของได้ในเวลากลางวัน ตามปกติ แต่ต้องเคร่งครัด เรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วย
ด้านการควบคุมสินค้า ได้สั่งการให้แต่งตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ กระจายหน้ากากเพื่อประชาชน
และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสินค้า โดยย้ำว่า จะไม่ปล่อยให้ผู้ใด กักตุน หรือแสวงหาผลประโยชน์
ในยามนี้
การกักตุนสินค้า มีโทษสูง จำคุกไม่เกิน 7 ปี
หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท
หรือทั้งจำและปรับ หากประชาชนพบเห็น สามารถแจ้งมาที่ สายด่วน บปกคบ 1135
สำหรับด้านการเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง
เพื่อลดภาระ และบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม และผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ
อาทิ
- เงินช่วยเหลือ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกจ้างรายวัน แรงงานนอกระบบ 9 ล้านคน
- การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า และการใช้น้ำ
- การลดค่าน้ำค่าไฟเป็นเวลา 3 เดือน ทุกครัวเรือน
- มีการพักชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ยเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
- ขยายเวลาชำระตั๋วจำนำ
- ลดอัตราขั้นต่ำ การจ่ายหนี้บัตรเครดิต
- สำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้งแรงงาน ที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย ที่ลดการจ่ายเงินสมทบเหลือ 1% และขยายเวลาให้ 3 เดือน
- สำหรับผู้ประกอบการ SME รัฐบาลจะช่วยคืนสภาพคล่อง
ลดภาระค่าใช้จ่าย บริหารหนี้เดิม ไม่ให้เป็น NPL ด้วยมาตรการด้านภาษี และด้วยการเงินอีกหลายมาตรการ เพื่อทำให้ทุกคน
ทุกฝ่าย มั่นใจได้ว่า เราไม่ทิ้งกัน
ด้านการต่างประเทศ ศบค.
- ได้ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการดำเนินมาตรการ เพื่อการเดินทาง เข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศด้วย
- มีการยกระดับการคัดกรอง ผู้เดินทางเข้าออกประเทศ อย่างเข้มงวด ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มเติมเข้ามาอีก นับจากที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้วนั้น มีเพียงชาวต่างชาติ ที่ได้รับการยกเว้น ตามพระราชกำหนด เช่น คณะฑูต หรือผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย หรือลูกเรือเท่านั้น ที่เดินทางเข้ามาได้
- สำหรับคนไทยในต่างแดน ก็จะไม่ท้องทิ้งกัน จะหาทางแก้ไขปัญหา หากต้องการกลับเมืองไทย
จะต้องผ่านกระบวนการ การคัดกรอง และการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ต้องขอความร่วมมือ ให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทย
ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 เมษยน 2563 เพื่อรักษาสุขภาพของคนไทย และคนเดินทางกลับ หากมีการเร่งด่วน
ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สถานฑูต หรือสถานกงศุล โดยทันที
ด้านการสื่อสาร
- ในสภาวะวิกฤติ เพื่อให้ประชาชน มีความมั่นใจ หน่วยงานมีความชัดเจน ไม่สับสน หรือขัดแย้ง หรือ Single Voice โดยจะมีการแถลงข่าว ที่ถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ทุกช่องทาง ทุกวัน หลังการประชุมในช่วงเช้า โดยโฆษกสูง หรือผู้รับชอบเท่านั้น
- งดเว้น และหลีกเลี่ยง การให้สัมภาษณ์ ของผู้ที่ไม่ได้รับมอบหมาย หรือเกี่ยวข้อง
- ขอให้สื่อมวลชนทุกสำนัก สื่อ Social ให้ระมัดระวัง ในการสื่อสาร โดยขอให้ใช้ข้อมูลจากส่วนนี้เท่านั้น ห้ามการสื่อสารที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือบิดเบือนข้อมูล หรือผู้ที่จะสร้างข่าวปลอม หรือ Fake News และการส่งต่อข่าวปลอม ทั้งที่ไม่เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่มีผลต่อความมั่นคง ก็จะมีโทษตามพระราชกำหนด ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ อย่างหนัก
- ดังนั้น
ต้องงดการส่งต่อข้อมูล ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา หรือไม่มั่นใจ ควรส่งต่อข้อมูลที่สร้างสรรค์
เป็นประโยชน์ กิจกรรมจิตอาสา เป็นต้น
ท่ามกลางวิกฤตินี้ รัฐบาลได้รวบรวมผู้มีความสามารถ คนเก่ง จิตอาสา จากวงการต่างๆ มาร่วมหารือ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา อย่างรอบด้าน ร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชน น้ำใจไทย จะช่วยให้ประเทศไทย รอดพ้นจากภาวะวิกฤตินี้ไปได้
เป้าหมายคือ การขจัดโรคภัย และเชื้อร้ายนี้ ให้ได้โดยเร็วที่สุด และทุกคนปลอดภัย
ดังนั้น ต้องไม่ประมาท ต้องร่วมมือกัน ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับทุกคน ที่ต้องร่วมมือกัน ที่จะทำให้ตัวเลขลดลง จนเป็นศูนย์ให้ได้ ในเร็ววัน มีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างไม่ลดละ
มีการบังคับใช้มาตรการณ์ต่างๆ อย่างเข้มงวด
ต่อเนื่อง และเหมาะสม โดยจำเป็น ก็จะยกระดับ ในบางพื้นที่ ตามเหตุผลทางการแพทย์
ขอให้ประชาชนทุกคน ร่วมมือ ปฎิบัติตนตามมาตรการณ์ แยกตัวอยู่บ้าน เพื่อลดภาระ
ของทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เสียสละ ต่อสู้กันมานานหลายเดือน หากมีแนวหน้าที่เข้มแข็ง
และแนวหลังที่เข้มงวด ประเทศไทย จะชนะศึกครั้งนี้ไปได้ อย่างแน่นอน
Mandala Team
Creator
Category
Share this post
Search the blog
Mandala Newsletter
Sign-up to receive the latest insights in to online trends
Sign Up