Digital Marketing ในยุค 5 G ที่ต้องมองรอบด้าน
ในยุคที่เต็มไปด้วยปัจจัยต่างๆซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ดังเช่น วิกฤติของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลทำให้เกิดความผันผวนเกิดขึ้นมากมายต่อธุรกิจทั่วโลก รวมไปถึง ประเทศไทยด้วย ในยุคนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่า Digital Marketing ระบบการตลาดออนไลน์ในรูปแบบที่ทำให้ หลายคนสามารถดูแลตัวเองได้จากการทำธุรกิจผ่าน โซเชียลมีเดียต่างๆ หรือแม้กระทั่ง Work from home ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram,TikTok, LineOA, Twitter รวมไปถึงการจัดทำเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อกระจายสินค้า ออกไปยังกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเราหันกลับไปมอง ตลาด Digital ไทย กลับประเทศชั้นนำหลายๆแห่งในยุโรป ก็ต้องยอมรับว่าเราพบความแตกต่างมากมายในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศอเมริกายุโรปหรือสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งเราพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผู้ประกอบการและนักการตลาดบนโลกดิจิตอลของไทยก็มีการตื่นตัวและให้ผลตอบรับกับเรื่องนี้กันมากขึ้น และเป็นที่น่าดีใจ ว่าหลายๆคนเริ่มเข้าใจแล้วว่า Digital Marketing เป็นเครื่องมือที่เราจะสามารถใช้ทำการตลาดและมันมีความสำคัญเนื่องจากมีผลกระทบต่อธุรกิจเกือบทุกธุรกิจ
ธุรกิจใดบ้าง ที่ได้รับผลกระทบ และต้องปรับตัวสู่ยุค 5 G หลังวิกฤติเศรษฐกิจ จาก โควิด-19
จะเรียกได้ว่า เกือบธุรกิจ ได้รับผลกระทบกันหมด เพียงแต่ว่า ได้รับโดยตรง หรือได้รับทางอ้อม กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจ และมี Digital Marketing เป็นตัวช้อนเอาไว้ ไม่ให้ธุรกิจมันล่มสลายไปส่วนมากจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มธุรกิจที่ก้าวกระโดดเข้ามาจากเทรนด์ธุรกิจนี้อย่างเต็มตัวอาจจะทำให้ยังไม่มีเวลาที่จะปรับตัวให้เข้ากับกระแสหรือตามทันความหลากหลายและความลึกซึ้งของ Digital Marketing จึงทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ในขณะที่ กลุ่มผู้ที่ทำธุรกิจที่เป็นรุ่นก่อนหน้านี้หรือตั้งแต่ Generation x ลงไป จนอาจจะเกือบถึงกลุ่ม Baby boomer กลับไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่คาดการณ์เอาไว้เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่ มีความเชี่ยวชาญหรือสันทัดทางด้านเทคโนโลยีอยู่ ไม่มากเท่ากับคนรุ่นใหม่ดังนั้นคนกลุ่มนี้ จึงทำการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป หรือจะเรียกว่ามีช่องว่างระหว่างคนกับเทคโนโลยีจึงไม่ทำให้เกิดความเสียหาย อย่างที่หลายคนคาดการณ์
อย่างไรก็แล้วแต่ ในการทำธุรกิจ Digital Marketing สำหรับในบ้านเราอาจจะยังมีความเข้าใจผิดอยู่มาก เพราะส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจกันว่ามันคือระบบการตลาดที่เราสามารถทำได้บนโซเชียลมีเดียในกลุ่มของ Facebook หรือ Instagram รวมไปถึง YouTube เท่านั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เป็นช่องทางมากกว่า Social Media เหล่านี้ที่ทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบนโลกดิจิตอล ได้อย่างเต็มรูปแบบ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้คงต้องอ้างอิงไปถึงธุรกิจ Digital Marketing ในฝั่งอเมริกาเป็นหลัก เพราะถึงอย่างไรประเทศนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นผู้นำทางด้าน Digital Technology รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจ startup ต่างๆอีกมากมายที่ได้มีการนำเอาเครื่องไม้เครื่องมือที่มีความทันสมัย จนทำให้เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆเกิดขึ้น กลายเป็นต้นแบบที่ทำให้ใครหลายคนเอามาปรับใช้กัน โดยเฉพาะในประเทศไทยเราเอง
ในขณะที่อเมริกา ผู้ซึ่งเป็นต้นแบบการสร้าง Platform Digital สำหรับธุรกิจ Start Up หลายๆอัน ก็เดินก้าวล้ำข้ามไปอีกขั้นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาใช้ที่มากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ตัวเองสร้างขึ้นแล้วนำมาประยุกต์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระบบดังกล่าวได้แก่ การใช้ Automation ที่เรียกว่าเป็นระบบอัตโนมัติ รวมไปถึงเครื่องมือ ที่เรียกว่า Social Listening Tools ที่รวบรวม ความคิดเห็นของคนทั่วไป ในสินค้า และบริการ ของแบรนด์ต่างๆ ทั้งแง่บวด และลบ เพื่อนำมาพัฒนาสินค้า และบริการ ของตนเอง และรู้จักคู่แข่ง มากขึ้น ซึ่งข้อมูลต่าสงๆ สามารถเอามาใช้ในการทำ CRM หรือ AI ซึ่งถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในส่วนงานของ customer service และ CRM เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการทำ Personalized Content รวมไปถึงประสบการณ์ตรงจากลูกค้า ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกดิจิตอล ซึ่งข้อดีก็คือไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบนช่องทางต่างๆในโลกโซเชียลมากน้อยแค่ไหน ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจต่างๆ เพื่อเรียนรู้ และพัฒนาให้ทันกับเทคโนโยลี คู่แข่งทางการค้า และพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเอง
DIGITAL MARKETING
สิ่งต่างๆเหล่านี้จึงกลายเป็นความแตกต่างบนโลก Digital Marketing ของไทยกับในฝั่งยุโรป ซึ่งบ้านเราเองก็อาจจะต้องเริ่มปรับตัวขยายช่องทางการทำธุรกิจออนไลน์ที่มากกว่า Facebook, Twitter, LineOA, Instagram หรือ YouTube ให้กว้างขวางมากขึ้นเพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก บนโลก Digital ได้อย่างเต็มรูปแบบโดย
การเตรียมความพร้อมธุรกิจในบ้านเราด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้
- การทำความเข้าใจขั้นตอนที่ลูกค้าคนนึงจะตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจน (Understand funnels)
- รู้ใจลูกค้าว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรทำธุรกิจของเราให้แตกต่าง (Design your customer avatar)
- ทำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการช็อปปิ้งของลูกค้า (Data collecting ,Data management ,Data analytics)
- คำนึงถึงประสบการณ์ที่ประทับใจของลูกค้าบนโลกออนไลน์ (Develop User acceptance in Digital World)
- รู้จักแบรนด์เรา และแบรนด์คู่แข่ง ในธุรกิจเดียวกัน จากความคิดเห็นของคนทั่วไป ลูกค้าต่างๆ กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ซึ่งจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Social Listening Tools เป็นตัวช่วยสำคัญในการสืบเสาะ หาเบาะแส ความคิดเห็นต่างๆ จาก Social Media ต่างๆ ที่มีความเห็นหลากหลาย ทั้งบวก และลบ เกี่ยวกับแบรนด์เรา และแบรนด์คู่แข่ง (Social Listening Tools)
- รักษาสายสัมพันธ์ของลูกค้าเก่า (Prepare for CRM System)
Mandala Team
Creator
Category
Share this post
Search the blog
Mandala Newsletter
Sign-up to receive the latest insights in to online trends
Sign Up