การทำ การตลาดออนไลน์ ด้วย Twitter มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

หากพูดถึงโลกของ Social Media ที่มีการอัพเดทข่าวสารแบบ Real time แน่นอนว่ากระแส Twitter กำลังมาแรงแซงโค้งมากในปัจจุบัน โดยมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอย่าง Twitter ทั่วโลกนับหลายร้อยล้านคนเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยของเราเอง โดยเฉพาะผู้ใช้งานในกลุ่มวัยรุ่นทั่วไป ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลให้หลายแบรนด์ เลือกที่จะหันมาให้ความสนใจกับการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ Twitter สามารถทำให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า ด้วยการแทรกตัวเข้าไปอยู่ในการสื่อสาร หรือการพูดคุยผ่านหัวข้อสนทนาต่าง ๆ 

การตลาดออนไลน์ ด้วย Twitter

1.สร้างโปรไฟล์ให้มีประสิทธิภาพ  

ก่อนที่คุณจะสร้างโปรไฟล์ ให้พิจารณาก่อนว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร ? ภาพโปรไฟล์ก็มีส่วนสำคัญ ยิ่งหากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น โปรไฟล์ควรเป็นภาพที่ทันสมัย สร้างสรรค์ น่าค้นหา นอกจากการสร้างโปรไฟล์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแล้ว คุณต้องสร้างโปรไฟล์ให้ออกมามีประสิทธิภาพด้วย เช่น ใช้ภาพที่มีความละเอียดสูง เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย แต่ดูดี เป็นต้น หลังจากที่คุณได้สร้างรูปภาพโปรไฟล์แล้ว อย่างลืมที่จะสร้างประวัติของคุณให้มีความน่าสนใจ ด้วยการสร้างเรื่องราวที่สนุกสนาน เพื่อโน้มน้าวให้มียอด Follow เพิ่มขึ้น และหากคุณมี Link เว็บไซต์ หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ก็อย่าลืมส่งลงไปในโปรไฟล์นั้นด้วย 

2. ใช้ประโยชน์จากการติด Hashtag

Twitter คือศูนย์รวมของการติด Hashtag เปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการรวบรวมคอนเทนต์ และสร้างสังคมให้กับลูกค้า หลายคนมักเรียกการติด Hashtag ว่า “เทรนด์ทวิตเตอร์” ลองคิดเล่น ๆ ดูสิว่าทุกครั้งที่คุณทวิตข้อความ หรือโพสคอนเทนต์ลงไป และมีการติด Hashtag คำโดนใจ หรือคำตลก ๆ ไว้ท้ายคอนเทนต์แล้วปรากฏว่า Hashtag ของคุณถูกนำไปใช้จนกลายเป็น Viral ขึ้นมา กระแสเหล่านี้จะทำให้ผู้คนรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น #saveปีโป้สีม่วง ที่ทำให้ปีโป้ม่วงขายดิบขายดีในปัจจุบัน 

3.เลือกเวลาในการทวิตให้เหมาะสม 

เวลาในการทวิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ถ้าคุณออกไปเดินเร่ขายไข่ปิ้งตอนเที่ยงคืน ก็คงยากที่จะขายได้เพราะลูกค้านอนหลับกันหมดแล้ว เช่นเดียวกัน หากกลุ่มลูกค้าของคุณคือเด็กนักเรียน เวลาที่เหมาะสมในการทวิตข้อความมากที่สุด คือ หลังจากบ่ายสามโมงครึ่งเป็นต้นไปเพราะเป็นเวลาที่เด็กเลิกเรียนและต้องกลับบ้าน พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกโซเชียลมากที่สุด หรือหากกลุ่มลูกค้าของคุณคือพนักงานประจำ หนุ่มสาวชาวออฟฟิต เวลาที่เหมาะสมในการทวิตคือ ตอนเที่ยง หรือหลังจากห้าโมงเย็นเป็นต้นไป รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนได้พักผ่อนอยู่บ้าน แต่นักการตลาดอาจจะต้องลุกขึ้นมานั่งทำงาน คิดเคนเทนต์ สร้างสรรค์ไอเดียในการทวิต หากไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีไป 

4. สร้างคอนเทนต์ให้อยู่ในกระแส 

ธุรกิจบนโลกออนไลน์ การสร้างคอนเทนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ คอนเทนต์ที่ดี คอนเทนต์ที่ปัง! โดนใจผู้บริโภคอาจเปลี่ยนให้ธุรกิจเล็ก ๆ กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่อยู่ในกระแสสังคม ผู้คนย่อมให้ความสนใจเป็นพิเศษ คุณอาจดูได้จากเทรนด์การติด Hashtag และนำ Keyword เหล่านั้นมาสร้างสรรค์ หรือสร้างสรรค์ไอเดียให้เป็นคอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจ ยิ่งเป็นเนื้อหาที่กระตุ้นความรู้สึกได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดี สำหรับคอนเทนต์ใน Twitter ควรเป็นคอนเทนต์ที่สั้น กระชับ ได้ใจความ อย่างไรก็ตาม คอนเทนต์อาจไม่จำเป็นต้องมีเพียงแค่ตัวอักษร โดยคอนเทนต์มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทั้ง วิดีโอ ข้อความ รูปภาพ และมีเดียในด้านอื่น ๆ โดยคุณสามารถเลือกใช้ได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสม 

5.มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า 

บางครั้งจำนวนผู้ติดตาม หรือยอด Follow อาจไม่ช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ หากคุณละเลยการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เช่น เมื่อลูกค้าทวิตข้อความ หรือแสดงความคิดเห็นเข้ามาสอบถามปัญหาต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าคุณไม่มีการโต้ตอบใด ๆ กลับไปเลย ก็จะทำให้การลงทุนเสียเปล่า และสิ่งที่สร้างมาทั้งหมดพังทลายลง หรือบางครั้งคุณอาจจะต้อง Follow ลูกค้ากลับ รวมไปถึงการสร้าง Twitter Poll เพื่อดูการโต้ตอบของลูกค้า หรือดูว่าลูกค้ามีความรู้สึกอย่างไรต่อแบรนด์

ทั้งหมดนี้คือ ขั้นตอนหรือเทคนิคการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มอย่าง Twitter อย่างไรก็ตาม นอกจากคุณจะใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่เราแนะนำไปแล้ว การทำการตลาดบนโลกโซเชียล คุณอาจจะต้องใช้เครื่องมือ Social listening tools เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการดักฟังเสียงของสังคมที่อยู่บนโลกออนไลน์ และช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ การทุกการคอมเม้นหรือการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆเพียงแค่คุณ Set Keyword คำสำคัญที่ต้องการลงไปในโปรแกรม โดยคำนั้นอาจจะเป็นชื่อสินค้าของคุณเอง เพื่อดูความเคลื่อนไหวของผู้บริโภค และดูว่าผู้บริโภคมีความรู้สึกอย่างไรต่อแบรนด์ หรือคุณอาจ Set Keyword ชื่อสินค้าของคู่แข่งลงไป เพื่อ Monitor ดูว่าคู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานั้น จะทำให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้น มาวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม และอยู่เหนือคู่แข่งได้ในทุก ๆ การแข่งขัน