นักการตลาดอาจคิดว่าการทำการตลาดออนไลน์บน Instagram ต้องเกี่ยวกับการทำภาพทั้งหมด แต่เชื่อหรือไม่ว่ารูปภาพหรือวิดีโอเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอให้คนตัดสินใจซื้อสินค้าบริการของแบรนด์ได้ ดังนั้นแบรนด์จึงต้องพัฒนาการทำคอนเทนต์ทั้งหมดรวมถึงการทำแคปชันที่ดีพอจนสร้างยอดขายได้ด้วยเช่นกัน
ในบทความนี้ ทางทีมงานจะขอยกตัวอย่างวิธีที่การทำคอนเทนต์บน Instagram จะสามารถทำงานร่วมกับเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี และทำให้ผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจในตัวแบรนด์จนเกิดเป็นยอดขายในท้ายที่สุด เพื่ออเป็นไอเดียให้นักการตลาดหรือเจ้าของกิจการทำคอนเทนต์ และการตลาดออนไลน์บน Instagram จนเกิดยอดขายมากยิ่งขึ้น
ทำไมการสื่อสารของแบรนด์จึงสำคัญในการขายสินค้าบน Instagram
ในยุคที่คนติดการใช้โทรศัพท์มือถือทุกวันจนเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33 เจ้าของธุรกิจออนไลน์จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเข้าชมหน้าเพจของแบรนด์ และสร้างยอดขายให้มากที่สุด
การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายเลยถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์สามารถบอกเล่าเรื่องราว ข้อดี ประโยชน์ และเหตุผลว่าทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อสินค้าจากแบรนด์ของคุณแทนที่จะซื้อจากคู่แข่ง
แต่ก่อนที่จะไปเจาะลึกเรื่องของการทำคอนเทนต์ อย่าลืมว่าแบรนด์ควรจะต้องตั้งค่าหน้าร้านของ Instagram ให้ส่งเสริมกับการขายก่อน ไม่งั้นลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าอาจจะล้มเลิกความตั้งใจไปก็ได้ถ้าร้านยอมไม่ใส่ใจในรายละเอียดที่ควรมีให้ครบถ้วนตั้งแต่ตอนแรก
วิธีตั้งค่าบัญชี Instagram ที่ช่วยส่งเสริมการขาย
- เชื่อมต่อ Instagram กับเว็บไซต์ของแบรนด์
การเชื่อมต่อเว็บไซต์ของแบรนด์กับบัญชี Instagram จะทำให้แบรนด์พิสูจน์ตัวตนว่ามีอยู่จริงได้ และยังช่วยส่งเสริมในเรื่องการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าบนโลกออนไลน์จะเลือกซื้อสินค้าจาก Instagram ของแบรนด์ที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ เพราะดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่าร้านที่ไม่มีการการันตีอะไรเลย
- ใช้บัญชี Instagram ประเภทธุรกิจ
การเปลี่ยนบัญชี Instagram จากแบบส่วนตัวไปเป็นแบบประเภทธุรกิจ จะทำให้แบรนด์สามารถเลือกประเภทของธุรกิจบนหน้าโปรไฟล์ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่าแบรนด์ขายสินค้าหรือบริการประเภทอะไร และบัญชีประเภทธุรกิจยังมีอัลกอริทึมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insights) ให้กับธุรกิจได้ เช่น reach, impressions, story view เป็นต้น
- สร้าง Instagram shop
Instagram shop จะเป็นตัวส่งเสริมการขายที่คล้ายกับหน้าสินค้าในเว็บไซต์ของแบรนด์ แต่ก็อย่าลืมใส่ลิงก์ "ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม" ที่นำลูกค้าไปสู่เว็บไซต์ทีหลัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น และให้ลูกค้าได้รับข้อมูลของสินค้าอย่างละเอียด
ใช้ปลั๊กอิน Instagram บนเว็บไซต์
นอกจากจะเพิ่มลิงก์เว็บไซต์บนหน้าบัญชีของ Instagram แล้ว ในเว็บไซต์เองก็ควรมีลิงก์ไปยังหน้า Instagram ด้วยเช่นกัน แต่แนะนำให้แบรนด์ใช้ปลั๊กอิน Instagram แทนที่จะแนบลิงก์ธรรมดาแทน เพราะจะช่วยให้แบรนด์นำเข้าเนื้อหาจาก Instagram ได้หลายหน้าบนเว็บไซต์ และสามารถกรองเนื้อหาเพื่อเน้นที่แฮชแท็กหรือข้อความค้นหาโดยเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยในการทำ SEO อีกด้วย
ทำโปรไฟล์ Instagram ให้น่าดึงดูด
หน้าโปรไฟล์ของแบรนด์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเปรียบเสมือนการแนะนำตัวให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือ และความประทับใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ก็เกิดจากโปรไฟล์ของร้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นอย่าลืมที่จะศึกษาวิธีทำโปรไฟล์ให้ลูกค้าสนใจกันก่อนด้วยนะคะ
หลังจากสร้างบัญชี Instagrm เรียบร้อยแล้ว เรามาดูกันว่ามีเทคนิคการสร้างคอนเทนต์อย่างไรบ้าง เพื่อดึงดูดลูกค้า
5 เทคนิคทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขายบน Instagram
หลังจากที่แบรนด์ตั้งค่าบัญชีให้พร้อมสำหรับการขายสินค้าหรือบริการเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็มาเจาะลึกวิธีการทำคอนเทนต์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายบน Instagram กันต่อได้เลย
1. แคปชันบน Instagram ต้องน่าดึงดูด
เมื่อแบรนด์ทำรูปภาพ และวิดีโอเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการใช้คำพูดที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ใช้งาน Instagram จะใช้เพื่อความบันเทิง หรือติดต่อกับเพื่อนๆ คนบนโลกออนไลน์ไม่ได้อยากถูกขายของให้ตลอดเวลา และบางคนก็ไม่ชอบที่จะเห็นโฆษณาด้วย
ดังนั้น การเขียนคำบรรยายของโพสต์ต้องน่าดึงดูดใจมากพอ ที่สำคัญคือเขียนโดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกว่าแบรนด์ยัดเยียดจะขายของอย่างเดียว แต่เป็นการเขียนที่ทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงคุณค่า ประโยชน์ ความใส่ใจ และความน่าเชื่อถือที่จะได้รับกลับมา จะทำให้ลูกค้าอยากอุดหนุนแบรนด์มากกว่า
ทริคสำหรับการเขียน คือ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายว่าคนเหล่านั้นชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีทัศนคติหรือการดำเนินชีวิตแบบไหน แบรนด์อาจจะเริ่มพัฒนา customer persona ขึ้นมาก่อนจากการหาข้อมูล Insights ในบัญชี Instagram หรือสำรวจจากคู่แข่งก็ได้
เมื่อแบรนด์เข้าใจกลุ่มเป้าหมายแล้วก็ต้องสื่อสารด้วยภาษาเดียวกัน หมายถึง สื่อสารด้วยความเข้าใจกันและกัน สื่อสารให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย ทีนี้การได้ใจลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปแล้วค่ะ
2. แคปชันบน Instagram ต้องกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม
อัลกอริทึมของ Instagram จะแสดงบัญชีที่แชร์เนื้อหาที่น่าสนใจจนเกิดการมีส่วนร่วมขึ้นให้ผู้ติดตามเห็นมากขึ้น และบางครั้งก็แชร์เป็นโพสต์ที่แนะนำบนหน้าฟีด ซึ่งนั่นหมายความว่าเนื้อหาเกิดการมีส่วนร่วมของคนจะทำให้แบรนด์ได้ยอดเข้าถึงแบบ organic และยังฟรีมากขึ้น
ดังนั้นการเขียนแคปชันจะต้องทำให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น กดหัวใจ, คอมเมนต์, แชร์หรือเซฟโพสต์เก็บไว้ ซึ่งนักเขียนจะต้องลองวัดผลคอนเทนต์ดูว่าอันไหนที่ทำแล้วเกิดผลตอบรับดี อันไหนมีผลตอบรับไม่ไดี จะได้พัฒนาการทำคอนเทนต์ และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเดิมที่เกิดขึ้น
3. ทำให้เกิดเนื้อหาที่มาจากลูกค้า (user-generated content)
คอนเทนต์ที่ทรงพลังคือคอนเทนต์มาจากลูกค้าเอง เพราะคนทั่วไปจะเชื่อคำบอกเล่าของคนธรรมดามากกว่าคำพูดจากแบรนด์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ถูกจ้าง
ตัวอย่าง การทำคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้เกิด user-generated content เช่น การกระตุ้นให้ลูกค้าออกมาพูดแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวสินค้า ความประทับใจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หรือจะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมโดยจัดกิจกรรม และให้รางวัลกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย ที่อาจจะให้ลูกค้าช่วยติดแฮชแท็กเกี่ยวกับแบรนด์ลงในโพสต์ไปด้วย
4. รายละเอียดสินค้าต้องครบ และน่าสนใจ
แบรนด์ไม่ควรพลาดที่จะใส่ข้อมูลพื้นฐานให้ครบ และละเอียด เช่น ขนาด, สี, ราคา, ค่าส่ง, ช่องทางจำหน่าย และช่องทางติดต่อ แต่อย่าใส่ให้ยืดยาวจนเป็นรายงาน ไม่งั้นลูกค้าคงไม่อยากอ่านแน่นอน
แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเล่าเรื่องราวของสินค้าว่าทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อของแบรนด์คุณ ซึ่งเรื่องราวก็มาจากคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น ถ้าสินค้าของแบรนด์คือขวดน้ำ แบรนด์อาจจะเล่าเรื่องราวที่ลูกค้าได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยโลกจากการใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือเล่าเรื่องราวที่การพกขวดน้ำทำให้ลูกค้าได้ใช้กระเป๋าหนังใบโปรดแบบหมดกังวลจากน้ำที่อาจจะรั่วได้
5. รักษาคุณภาพ และทำอย่างความสม่ำเสมอ
การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพไม่ใช่เรื่องง่าย แบรนด์ต้องผลิตคอนเทนต์ลงใน Instagram อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ และต้องคอยศึกษาแนวทางการทำคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จจากสถิติหลังบ้านของบัญชี Instagram และหาไอเดียทำคอนเทนต์จากคู่แข่งอยู่เสมอ
ที่สำคัญแบรนด์จะต้องคอยติดตามเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อทำให้การสร้างคอนเทนต์มีความทันสมัย เข้ากับกระแส แบรนด์จะได้น่าสนใจในสายตาลูกค้ามากยิ่งขึ้น
source: https://gettinggrowth.com/7-ways-a-talented-writer-can-improve-your-sales-from-instagram/
สรุป การทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขายบน Instagram
การทำคอนเทนต์บน Instagram ต้องมีแคปชันที่น่าดึงดูด และทำให้ลูกค้าอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ จนเกิดเป็นคอนเทนต์ที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์เอง เพื่อกระจายสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต นอกจากนี้ที่สำคัญคือต้องหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพของคอนเทนต์ และตามเทรนด์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจอยู่เสมอ
Mandala Analytics เป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์พัฒนาคอนเทนต์บน Instagram ได้ด้วยการนำข้อมูลบนโลกออนไลน์มาใช้ประโยชน์ แล้วทำการวิเคราะห์สรุปผลมาแบบอัตโนมัติ
แบรนด์สามารถ
ดูตัวอย่างคอนเทนต์ทั้งรูป, วิดีโอ และแคปชันจากแบรนด์ที่มียอดการมีส่วนร่วมสูง
ศึกษาการทำคอนเทนต์ และการตลาดของคู่แข่ง
วิเคราะห์ผลคอนเทนต์ที่มีการมีส่วนร่วมสูง (Engagement)
- เลือกการใช้คำ และแฮชแท็กประกอบคอนเทนต์ที่คนชอบใช้หรือให้ความสนใจ
คำและแฮชแท็กที่คนสนใจ
- ติดตามเทรนด์จาก Cosmos Trend ได้หลายประเทศทั่วโลก
Instagram Trend ของประเทศไทย
- ประหยัดเงิน และเวลาในการทดลองทำคอนเทนต์ที่ไม่ตอบโจทย์ลูกค้า
หากผู้อ่านท่านไหนอยากเริ่มต้นใช้เครื่องมือ Social listening analytics อย่าง Mandala Analytics ในการทำคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จ สามารถสมัครได้เลยที่ https://www.mandalasystem.com/plans
หรือทดลองสมัครใช้งานฟรีก่อนถึง 7 วัน ที่นี่
อย่าพลาดบทความดี ๆ อ่านได้เลยที่ blog/th
Mandala Team
Creator
Category
Share this post
Search the blog
Mandala Newsletter
Sign-up to receive the latest insights in to online trends
Sign Up